April 02, 2010

ชีวิตยาก ยาก ที่อยากง่าย

(ส่วนหนึ่งของความทรงจำ) ทริปน้ำต้มผักก็ว่าหวาน ณ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่


11-14 กุมภาพันธ์ 2553 นำทีมโดย ทรงกลด บางยี่ขัน

พฤหัสบดี 11 กุมภาพันธ์ 2553; 17.00

ฉันก้มหน้าก้มตา งกๆๆๆ อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อจะเคลียร์งานให้เสร็จทันเวลานัดที่หัวลำโพงตอนหกโมงครึ่ง และเพื่อให้คนทำงานระหว่างที่ฉันลาพักร้อนไม่ต้องโทรมาถามโน่นนี่ให้กวนหัวใจ ในที่สุดก็เสร็จจนได้เกือบหกโมงเย็น หอบกระเป๋าใบใหญ่พร้อมกับน้องที่ได้ไปด้วยกันในทริปนี้ด้วยอีกคนเดินออกจากออฟฟิศ พร้อมด้วยหลายสายตาที่มองมาอย่างสงสัยว่าไอ้สองคนนี้มันจะไปไหนกันวะเนี่ย คนนึงแบกเป้ อีกคนลากกระเป๋า เราต่างยิ้ม ๆ แล้วเดินเข้าลิฟท์อย่างเร่งรีบ มาถึงสถานีรถไฟหัวลำโพงในอีกไม่นาน เดินมองหาห้องโถงใหญ่จุดนัดพบ ไม่ทันไรหน้าคุณทรงกลดก็ลอยมาแต่ไกล โอวว...ใช่แล้ว กองนี้นี่เอง เพื่อนร่วมทางของเรา เรานั่งกองรวมกันตั้งแต่วงเล็ก จนเส้นรอบวงเริ่มใหญ่ ก็ได้เวลาขึ้นรถไฟซะที...เย้!!!!

ศุกร์ 12 กุมภาพันธ์ 2553

รถไฟถึงเชียงใหม่โดยสวัสดิภาพ เราทั้งหมดแวะหาอาหารเช้าใส่ท้องก่อนจับสองแถวไปบ้านพี่โจ สายๆ เราก็เคลื่อนขบวนกันไปอยู่บนรถสองแถวเพื่อเดินทางต่อไปที่อ.แม่แตง จุดหมายที่บ้านพี่โจ โจน จันใดนั่นเอง...หลงทางเข้าไปในดงอะไรซะอย่าง ฝุ่นเยอะมากมาย แต่ในที่สุดคุณลุงขับรถเราก็พารถมาจอด ณ บ้านพี่โจ โดยสวัสดิภาพ เราลงจากรถแล้วมองไปรอบๆ


เจอพี่โจนครั้งแรก เห็นไกล ๆ ตรงโน้นแน่ะ

ความรู้สึกแรกที่ได้สูดอากาศเฮือกแรกนั้น..มันสุขใจอย่างบอกไม่ถูกจริง ๆ ทั้งอากาศ และสภาพแวดล้อมที่ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติอันงดงาม กับชีวิตง่าย ๆ ที่เรากำลังจะได้สัมผัสในอีกไม่ช้า...ในที่สุดเราก็ได้เจอกันซะที ภาพแรกที่เห็นคือผู้ชายคนนึงใส่เสื้อเชิ๊ตเซอ ๆ กับกางเกงเลเก่า ๆ มองลึกเข้าไปอีกใช่แล้วพี่โจ โจนจันใดนี่เอง พี่แกเดินมาต้อนรับคณะเราพร้อมรอยยิ้มอันเต็มเปรี่ยมไปด้วยมิตรภาพ เราติดตามอ่านเรื่องราวชีวิต และความคิดของพี่เขามานานแล้ว แล้วเราก็ได้มาเจอกันจริง...หัวใจเต้นแรง...

เราขนสัมภาระขึ้นไปเก็บบนชั้นสองของบ้านดินโถงใหญ่ ไม่นานพวกเราทั้งหมดก็ลงมานั่งจับกลุ่มกันเป็นวงกลมใหญ่ พร้อมหน้ากัน รวมทั้งพี่โจด้วย ได้ฟังทุกคนแนะนำตัวเองคร่าว ๆ เลือดในกายพุ่งพล่าน โอววว...นี่เราคิดเหมือนๆกันเลยเน๊อะ ทั้งๆที่หลายคนรอบตัวเราบอกเสมอว่าเราชอบคิดอะไรบ้าๆอยู่เรื่อย เอ..หรือว่าเราบ้าเหมือนกัน (555 ล้อเล่นนะ) เอาเป็นว่าพวกเราแม่งพันธุ์เดียวกันเลยว่ะ

แล้วพี่โจก็นำเราเข้าสู่การเรียนรู้ชีวิตง่าย ๆ เรื่องแรก การทำน้ำสลัด โยเกิร์ตธรรมชาติ และแยมกระเจี๊ยบ ทำง่าย ๆ กินอร่อย และไม่มีสารเคมีเจือปน...จดสูตรคร่าวๆ ไว้ไปทำกินเองดีกว่า

เรื่องต่อไปเป็นการทำแชมพูสระผม สบู่ และน้ำยาล้างจาน...นี่ก็อีกเช่นกันที่จะไปทำใช้เองแน่ ๆ โดยเฉพาะสบู่ ทำง่าย ได้ใช้ทุกวันแน่ ๆ

ก่อนจะแยกย้ายกันไปนอน เรานั่งล้อมวงคุยกันอีกครั้งกับพี่โจน จันใด นำโดยพี่ก้อง ทรงกลด บางยี่ขัน หัวหน้าคณะ...พี่โจเล่าว่าเคยทำงานเป็นยาม และพนักงานโรงแรมในกรุงเทพ นานจนทำให้คิดอะไร ๆ ได้เยอะแยะ และเขาก็เกิดคำถามขึ้นว่า ทำไมเราต้องทำงานหนัก 5 ปี 10 ปี อดออมเก็บเงินเพื่อจะซื้อรถ ซื้อบ้าน เพื่อจะได้รู้สึกว่ามันโก้ มันเท่ แต่จริง ๆ แล้ว มันคือ “ความโง่” ต่างหาก...ใช่เลย เราเห็นด้วย 100% เต็ม และอีกหลาย ๆ เรื่องที่มันทำให้สมอง และความคิดสั่นไหว

แล้วเราก็ต่างแยกย้ายกันไปนอน เรานอนรวมกันในโถงใหญ่ เป็นบ้านดินฝีมือพี่โจ อากาศที่นี่ตอนกลางวันร้อน กลางคืนเย็น เรานอนไม่ค่อยหลับหรอก เนื่องจากแปลกที่...มืดด้วย ไม่รู้ทำอะไรดี เลยนอนคิด คิด แล้วก็คิด...ทำไมเราต้องทำงานงก ๆ เป็นหุ่นยนต์ขนาดนี้ด้วยวะ เงินเดือนน้อย ทำงานเยอะ จะหยุดทีก็ลำบาก...แค่อยู่ง่ายๆ กินง่าย ๆ ก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับการเป็นชีวิต..ถ้าเราตัวคนเดียวคงทำได้ไม่ยาก แต่บางทีชีวิตเราก็เลือกอะไรมากไม่ได้ คำๆเดียว “ความรับผิดชอบ” ภาระอันหนักอึ้ง ที่ทำให้เราเสี่ยงกับอะไรไม่ได้เลย แล้วความคิดที่อยากใช้ชีวิตที่เรียบง่าย มีบ้านหลังเล็ก ๆ ปลูกผัก ปลูกต้นไม้ เลี้ยงสัตว์ กับคนที่เรารักอยู่ข้าง ๆ ก็เป็นเพียงแค่ความคิด ที่ยังคงห่างไกลความเป็นจริง คืนนั้นเราผลอยหลับไปทั้งน้ำตา กับคำว่ารับผิดชอบ


เรานอนกันที่นี่หล่ะ ชั้นบน
เสาร์ 13 กุมภาพันธ์ 2553

วันที่สองของการใช้ชีวิตง่ายๆ ตามแบบฉบับของโจน จันใด พี่โจสอนทำบ้านดิน...เย้ เราได้ทำบ้านดินสมใจอยาก..พี่โจอธิบายคร่าว ๆ แต่เราไม่ได้จดไว้เลย จำได้คร่าว ๆ ว่าง่ายมาก จริง ๆ เริ่มด้วยการทำอิฐบล๊อค (ที่ทำจากดิน) โดยการนำดินมาผสมกับน้ำ เหยียบๆๆๆให้เป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นเทแกลบผสมเข้าไปเพื่อเพิ่มความแข็งแรงทนทาน เหยียบต่อ จนเข้ากันได้ที่ นำดินที่เหยียบจนได้ที่แล้วมาเทใส่บลีอค ตากให้แห้ง...ไม่กี่วันเราก็ได้อิฐบล๊อคมาก่อบ้านแล้ว...พี่โจบอกว่าทำง่ายๆ ผู้หญิงก็ทำได้ เด็กก็ทำได้ ทำไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องหักโหม ปวดขี้ก็ไปขี้ ปวดเยี่ยวก็รีบไปเยี่ยว...พี่โจว่างั้น

อิฐบลอคทำจากดินเตรียมก่อบ้าน


โฉมหน้าผู้นำวิถีชีวิตแบบพึ่งตัวเอง

ลืมบอกไป อาหารที่นี่เป็นมังสวิรัตทั้งหมด ผักอร่อยมาก อวบๆ สดๆ หวานฉ่ำ...และไร้สารเคมี มะเขือเทศผลกลม ๆ รสชาดสุดยอด ไม่เคยกินที่ไหนรสชาดดีเท่าที่นี่เลยให้ตาย ประทับใจ



มะเขือเทศสดจากต้น อร่อยสุดยอด


ตกค่ำ เราล้อมวงนั่งฟังความคิดของพี่โจอีกรอบก่อนนอน...”ชีวิตคนเราไม่ยากหรอก ตัดความกลัวออกเท่านั้นเอง” พี่โจเล่าว่า ความกลัวไม่มีประโยชน์เพราะเป็นสิ่งที่เราสร้างขี้นมาเอง กลัวไม่กลัวก็ตาย มีเงินเป็นล้านก็ต้องตาย จะกลัวทำไม คิดมากยิ่งเครียด เป็นโรคประสาท ตายเร็วขึ้นอีก...แล้วความสุขล่ะ พี่โจคิดว่าไง..พี่เขาบอกว่า “ถ้าเราต้องการความสุข เราจะปฏิเสธความทุกข์ไม่ได้ เพราะมันมาด้วยกัน” บางคนอาจมีความสุขที่ซื้อรถสวย ๆ มา รู้สึกภูมิใจแต่ไม่นานหรอก ความภูมิใจทั้งหลายก็จะลดลง และเราก็จะอยากได้อย่างอื่นต่อ....”ชีวิตเรายังมีอะไรน่าสนใจมากกว่านั้น ซึ่งเราไม่สามารถที่จะรู้ได้หรอก ถ้าเรายังวิ่งตามความพอใจของเราอยู่”...โดนค่ะพี่โจ


ถุงแยกขยะ ขยะทุกชนิดนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้


บ้านดินที่พี่โจน จันใดอยู่ และสร้างเอง

อาทิตย์ 14 กุมภาพันธ์ 2553

วันนี้วันวาเลนไทน์ เราได้อยู่กับผู้ชายธรรมดา ๆ คนนึงที่ตกลงมาใช้ชีวิตง่าย ๆ ที่อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ แล้ววันนึงคนนับพันนับก็สนใจมาเรียนรู้การใช้ชีวิตของเขา รวมทั้งเราด้วย

วันสุดท้ายเรามีเวลาแค่ครึ่งวัน เพราะช่วงบ่ายเราต้องกลับกันแล้ว พี่โจพาไปดูการเก็บเมล็ดพันธุ์ การทำทานตะวันงอก เราได้เมล็ดทานตะวัน และเมล็ดมะเขือเทศกลับมาปลูกด้วย

แล้วอาหารกลางวันมื้อสุดท้ายของที่นี่ก็มาถึง เรากินไป เสียดายไป อยากอยู่ต่อ ยังไม่อยากกลับเลย แต่ก็บอกกับตัวเองว่า วันนึงเราจะกลับมาที่นี่อีก


ความสุขง่าย ๆ

แล้วเราก็มาอยู่ที่สถานีรถไฟเชียงใหม่ตอนบ่าย ๆ โบกมืออำลาเมืองเชียงใหม่ ขึ้นรถไฟกลับสู่กรุงเทพ เมืองแห่งมนุษย์หุ่นยนต์เคลื่อนที่ บ๊าย บายพี่โจ โจน จันใด และขอบคุณมากมาย คุณก้อง ทรงกลด บางยี่ขัน ที่ให้โอกาสเราได้มาร่วมทริปนี้ด้วย

.

.

.

.

แล้วทุกอย่างก็กลับเข้าสู่โหมดการทำงานปกติ แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือความคิด และความรู้สึกแปลก ๆ ที่กลับมาเริ่มทำงานวันแรก รู้สึกแปลกแยกจากผู้คนที่นั่น รู้สึกว่าชีวิตยากอีกแล้ว ทั้ง ๆ ที่พีโจบอกมาตลอดว่าชีวิตง่าย ๆ ทำให้ยากทำไม...

แล้วคำๆนึงก็ดันเข้ามา และตบให้เราเข้าสู่อารมณ์ปกติ....



ความรับผิดชอบ

ขอบคุณทรงกลด บางยี่ขัน http://www.lonelytrees.net/?p=19200
***ติดต่อศูนย์พันพรรณ ได้ที่ www.punpunthailand.org***

5 comments:

  1. ความรับผิดชอบ
    อย่างที่เราพูด
    บางทีเราต้องเป็นในสิ่งที่คนอื่นอยากให้เป็น
    และบางเวลา
    เราเป็นในสิ่งที่เราเป็น
    ถ้าหาตรงกลางเจอ
    ชีวิตนี้คงไม่ต้ิองการอะไรอีกแล้ว

    ReplyDelete
  2. คิดถึงพี่โจเนอะ ^^

    พี่จิว

    ReplyDelete
  3. ผมมองว่า
    ชีวิตในเมืองกรุงมีหลายสิ่งมากมายรายล้อม
    ไม่เป้นระเบียบ เเละซับซ้อน
    มนุษย์ผู้มีสัญชาตญาตเอาตัวรอด จึงจำต้องปรับตัวให้เข้ากับสังคมนั้น

    ผมคิดว่าคนเราปรับตัวเข้ากับสิ่งเเวดล้อมนั้นๆได้ ตามเเต่พื้นฐานของเเต่ละคน
    เราสามารถจะปรับความคิดเราให้ฉับไวตามโลกได้ ถ้าเราไม่ปิดกั้นตัวเอง
    ตัดความกลัวออกไปเเละปรับตัวในสิ่งที่เรากำลังกระทำอยู่
    เเล้วพยายามเคลื่อนตัวเองออกจากสังคมหุ่นยน
    พร้อมกับเตรียมพร้อมตัวเองสู่สังคมในอุดมคติอย่างที่พี่โจนใช้ชีวิตอยู่

    การใช้ชีวิตในเมืองคนไม่น่าเบื่อเกินไป
    ไม่หดหู่เกินไปถ้าเราปรับเข้ากับมัน
    สำหรับผม
    ผมกำลังหาทางไปใช้ชีวิตเเบบพี่โจนอยู่
    ผมมีชีวิตที่เหมือนกับพี่
    มี"ความรับผิดชอบ" เเบกอยู่บนบ่า
    ผมไม่รู้ว่าผมจะสามารถใช้ชีวิตเเบบพี่โจนได้รึเปล่า
    ก็ผมใช้ชีวิตเเเบบนี่มายี่สิบก่าปีเเล้ว ^^
    ขอบคุณมากครับสำหรับเรืองราวที่นำมาเเบ่งปัน

    ผมชอบเรื่องความกลัวที่พี่โจนกล่าวที่สุดเรย ^^

    ReplyDelete
  4. อ่านจบแล้ว
    ทำให้รู้จักเก๋ไก๋ในอีกมุมนะ
    อ้อ...
    เป็นกำลังใจให้ สักวันเรื่องที่ฝันคงเป็นเรื่องจริง

    ReplyDelete
  5. ตูนเดินดิน man.bkk@hotmail.comThursday, May 13, 2010 5:09:00 PM

    ดีใจด้วยจังเลยครับ ทีได้เจอพี่โจน ผมก้อเป็นคนหนึ่งที่ได้ไปเจอพี่โจนมาเหมือนกัน
    ทุกวันนี้ผมยังติดใจคำๆหนึงของพี่โจนเลยครับ ว่า "ชีวิตมันง่ายๆ อย่าทำให้มันยาก ถ้ายากและปวดหัวแสดงว่าคิดผิด ให้คิดใหม่" เป็นคำที่ทำให้ชีวิตในเมืองหลวงที่อาศัยอยู่ มันเลยง่ายสำหรับคนบ้านนอกที่มาซุกตัวอยู่ในเมืองหลวงแบบนี้ได้อย่างง่ายๆ ดีใจจังเลยที่ได้อ่าน ทำให้ภาพที่เคยเห็น เสียงที่เคยได้ยินมันนผลุดขึ้นมามากมาย
    พี่โจนเคยบอกว่าอุปสรรคที่หนักหนาและร้ายกาจที่พึ่งพาตัวเองได้นั้น คือ "ความกลัว"
    - กลัวจะเสียสถานะภาพเดิม(หน้าทีการงาน)
    - กลัวว่าไปทำแล้วจะไปไม่รอด กลัวว่าจะกลับมาไม่ได้อีก
    แต่...พี่เค้าบอกว่า จะเป็นอะไรที่จะเสี่ยงสักครั้ง ชีิวิตก้อเสียงมานักต่อนักแล้ว ทำไมล่ะจะเสียงกับเรืองดีๆ ที่ตัวเองมั่นใจไม่ได้เชียวหรือออออ
    นี้แหละคืออุปสรรคอันร้ายกาจ ที่จะมาบดบังหดทางแห่งการพึ่งตนเอง......
    ขอบคุณและเป็นกำลังใจให้นะครับ

    ReplyDelete